Monday, March 26, 2007

หญิงอ้อ"เครียดยื่น5ล้านประกันตัว!

อัยการฟ้องแล้ว "หญิงอ้อ-บรรณพจน์-เลขาฯคนสนิท" ฐานร่วมกันเลี่ยงภาษีซื้อขายหุ้นชินคอร์ปฯ นัดตรวจสอบพยานหลักฐาน 14 พ.ค.นี้ "เมียอดีตนายกฯ"เข้ารายงานตัวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดแต่ยังฝืนยิ้มให้กับม็อบที่มาให้กำลังใจ พร้อมยื่น 5 ล้านประกันตัว ศาลสั่งห้ามสัมภาษณ์ ฝ่าฝืนอาจสั่งถอนประกัน ส่วนม็อบเชียร์ไม่วุ่นวาย ทนายยันไม่หนักใจเตรียมตั้งทีม ก.ม.สู้คดี คตส.สุดทน 2 รมต.เกียร์ว่าง ออกหนังสือเรียก 'อารีย์-ฉลองภพ'แจงที่ประชุมใหญ่ 2 เม.ย.นี้ ขู่เบี้ยวเจอคุกแน่ 'สัก' สุดเอือมประสานนายกฯแล้วไม่ได้เรื่องฉุดงาน คตส.อืด ลั่นเลิกพึ่ง สุรยุทธ์' พร้อมจัดคิว 'โอ๊ค-เอม' ตามรอย 'หญิงอ้อ' อนุหุ้นเสนอฟันอาทิตย์หน้า ขณะที่ปัญหาคิงเพาเวอร์ 'สรรเสริญ' เผย ต้องใช้หลักนิติฯ เศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์แก้ 'ทอท.' ยันส่งเอกสารให้อัยการสัปดาห์นี้ ก่อนแจ้งดิวตี้ฟรีอย่างเป็นทางการ 'กัลยา' ระบุรัฐบาลต้องมีความชัดเจน ไม่เช่นนั้นทำให้การทำงานที่ผ่านมาสูญเปล่า
เกี่ยวกับปัญหาทุจริตโครงการต่าง ๆ ในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ทางคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กำลังตรวจสอบอย่างเร่งด่วน โดยล่าสุดคดีหลบเลี่ยงภาษีโอนขายหุ้น บริษัทชินวัตรคอมพิวเตอร์ แอนคอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) มูลค่ากว่า 500 ล้านบาท ศาลมีความเห็นสั่งฟ้อง คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายบรรณพจน์ ดามาพงศ์ พี่ชาย และนางกาญจนาภา หงษ์เหิน เลขานุการส่วนตัว ในความผิดฐานร่วมกันหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีอากร โดยเท็จ โดยฉ้อโกง และโดยอุบายตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37 (2) และร่วมกันจงใจแสดงข้อความหรือตอบคำถามด้วยข้อความอันเป็นเท็จ เพื่อหลีกเลี่ยงการจ่ายภาษีหุ้นตามประมวลรัษฎากร มาตรา 37(1) และความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 และ 91 โดยผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 จะต้องเดินทางไปแสดงตัวที่ฝ่ายอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 วันที่ 26 มี.ค.นี้ ตามหมายเรียก โดยนายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ ยืนยันว่า ทั้ง 3 จะเดินทางไปศาล เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งได้เตรียมเอกสารขอยื่นประกันตัวไว้เรียบร้อยแล้ว ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ทัพสื่อมวลชนปักหลักรอทำข่าว
ความคืบหน้าเกี่ยวกับคดีใหญ่ที่ประชาชนให้ความสนใจ ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เวลา 09.00 น. วันที่ 26 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายนพดล ปัทมะ ทนายความตระกูลชินวัตร ได้เดินทางมารอรับ คุณหญิงพจมาน ชินวัตร ภริยา พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี นายบรรณพจน์ พี่ชายต่างมารดา และนางกาญจนาภา เลขานุการส่วนตัว ตามที่อัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งฟ้องคดีร่วมกันจงใจหลีกเลี่ยงการเสียภาษีโอนหุ้นบริษัทชินฯ ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชนทุกแขนงที่มารอปักหลักทำข่าวเป็นจำนวนมาก ซึ่งทางกองบังคับการตำรวจนครบาล 2 ได้ส่งเจ้าหน้าที่มาดูแลความสงบเรียบร้อยบริเวณศาลฯ กว่า 100 นาย

หญิงอ้อเครียดฝืนยิ้มให้ม็อบเชียร์
กระทั่งเวลา 09.30 น. คุณหญิงพจมาน ได้เดินทางมาถึงโดยรถยนต์ บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 7 สีดำ ทะเบียน สว 1314 กรุงเทพมหานคร สวมชุดผ้าไหมสีเหลือง สีหน้าเครียด โดยพยายามฝืนยิ้มให้กับกลุ่มผู้สนับสนุนประมาณ 20 คน ที่มาถือป้ายแสดงข้อความให้กำลังใจ พร้อมดอกกุหลาบสีแดงรอต้อนรับ โดยมีนางดารณี กฤตบุญญาลัย ไฮโซชื่อดัง นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองหัวหน้าพรรคไทยรักไทย นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรมน้องเขย พ.ต.ท. ทักษิณ นายผดุง ลิ้มเจริญรัตน์ คนสนิท และบุคคลใกล้ชิดเดินทางมาให้กำลังใจ ซึ่งเมื่อคุณหญิงพจมานลงจากรถ เจ้าหน้าที่ตำรวจ และ รปภ. ต้องตั้งแถวเป็นแนวยาว ตั้งแต่เชิงบันไดทางขึ้น ไปจนถึงห้องรับรอง ชั้น 2 ภายในอาคารศาลฯเพื่อป้องกันความวุ่นวายจากผู้ที่มาให้กำลังใจ และผู้สื่อข่าว-ช่างภาพที่ตรงรุมล้อมสัมภาษณ์

อัยการหอบคำฟ้องยื่นศาล
ต่อมาเวลา 10.30 น. นายเศกสรรค์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษ นายนันทศักดิ์ พูลสุข รองอธิบดีอัยการฯ และคณะทำงานได้นำคำฟ้องจำนวน 12 หน้า มายื่นฟ้องต่อศาลอาญา ซึ่งคำฟ้องได้ลงนาม นายพชร ยุติธรรมดำรง อัยการสูงสุด เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายบรรณพจน์ อดีตประธานกรรมการบริหารชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน), คุณหญิงพจมาน และนางกาญจนาภา ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานร่วมกันหลีกเลี่ยงภาษีอากรโดยความเท็จ โดยฉ้อโกง โดยใช้กลอุบาย ตามประมวลรัษฎากร ม.37 (2) และร่วมกันแจ้งข้อความเท็จ ให้ถ้อยคำเท็จตอบคำถามด้วยถ้อยคำอันเป็นเท็จ โดยจงใจเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีอากร, ตามประมวลรัษฎากร ม.37 (1) ประกอบ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ป.รัษฎากร (ฉบับที่ 16) พ.ศ. 2502 ม.14 และพระราชบัญญัติให้ใช้บทบัญญัติ ป.รัษฎากร พ.ศ. 2481 ม.2,3 และประมวลกฎหมายอาญา ม.83, 91 และ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติม ป.อาญา ฉบับที่ 6 พ.ศ. 2526 ม.4

นัดสอบคู่ความ 14 พ.ค.นี้
สรุปได้ว่าการกระทำของจำเลยเป็นการกระทำเพื่อหลีกเลี่ยงการเสียภาษีโดยให้ถ้อยคำเท็จและโดยการฉ้อโกง เป็นเหตุให้รัฐเสียหายต้องขาดรายได้เงินภาษีอากร และเงินเพิ่มจำนวน 546,120,000 บาทโดย คตส. ตรวจสอบมูลคดีแล้ว ต่อมาวันที่ 5 ม.ค. 50 คณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงของ คตส.จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้จำเลยทั้ง 3 ทราบโดยชอบแล้ว และในการชี้แจงจำเลยทั้ง 3 ให้การปฏิเสธ คตส.พิจารณาไต่สวนโดยชอบด้วยกฎหมายแล้วจึงมีมติว่าจำเลย ทั้ง 3 กระทำผิดตามข้อกล่าวหาแต่เป็นกรณีที่ไม่อยู่ในบังคับของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 จึงส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดยื่นฟ้องคดีต่อศาลลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย ทั้งนี้ศาลได้ประทับรับคำฟ้องไว้เป็นคดีดำที่ อ.1149/2550 และสอบคำให้การจำเลยทั้ง 3 ในเบื้องต้น โดยจำเลยทั้ง 3 ยืนยันให้การปฏิเสธ โดยศาลจะนัดคู่ความตรวจสอบพยานหลักฐานในวันที่ 14 พ.ค.นี้ เวลา 13.30 น.

1 comment:

Unknown said...

ไทยอีนิว ทางนี้ครับ
http://thaienews.blogspot.com
โจมตีกันแบบ โง่ๆๆ ครับ
คิด จะทำอะไร ครับไม่ใครเชื่อ หรอก
คตส
ถ้ามันตรวจสอบ รัฐบาล และ คมช
กู จะเชื่อ ว่าเป็นกลาง
เพราะเป็นพวก ของ คมช
คน มัน ชั่ว
คิดเหรอว่า พวกเราจะโง่
เชื่ออะไรตามพวกมรึง
มี สมอง นะโว้ย ไม่ต้องมาสอน คนไทยไม่ไดเ้โง่โว้ย