Thursday, April 12, 2007

สมัคร-ดุสิต เจอคุก 24 เดือน

http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=124054&NewsType=1&Template=1

ศาลไม่รอลงอาญาคดีหมิ่น สามารถ

สมัคร-ดุสิต เจอศาลสั่งจำคุกคนละ 24 เดือน ไม่รอลงอาญา คดีหมิ่นประมาทอดีตรองผู้ว่าฯ กทม.ออกรายการ 'เช้าวันนี้ที่ช่อง 5' กับ 'สมัคร-ดุสิต คิดตามวัน' จ้อ มีผู้รับเหมาถอยบีเอ็มป้ายแดงให้ ศาลระบุเหตุผลสั่งจำคุกเด็ดขาด 'ชมพู่' เคยหมิ่นคนอื่นมาหลายครั้งให้โอกาสกลับตัวมาตลอด แต่ยังทำผิดซ้ำซากอีก '2 คู่หู' ใช้เงินสดคนละ 2 แสนประกันตัวไป ด้าน 'สามารถ' ดีใจสังคมได้ทราบเรื่องจริง แจงทั้งคู่เตรียมเจอ 'เด้งสอง' คดีแพ่ง เรียกค่าเสียหายร้อยล้านอีกเร็ว ๆ นี้

ที่ห้องพิจารณาคดี 34 ศาลอาญากรุงเทพใต้ สนามหลวง เมื่อวันที่ 12 เม.ย. ศาลออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษาคดีหมิ่นประมาทที่นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และนายดุสิต ศิริวรรณ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมกันเป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามฟ้องโจทก์ระบุความผิดจำเลยสรุปว่าระหว่างวันที่ 12-19 ม.ค. 2549 จำเลยทั้งสองซึ่งเป็นผู้ดำเนินรายการ 'เช้าวันนี้ที่ช่อง 5' และรายการ 'สมัคร-ดุสิต คิดตามวัน' ทางช่องโมเดิร์นไนน์ทีวี โดยวันที่ 12 ม.ค. 2549 จำเลยทั้งสองได้กล่าวถ้อยคำกล่าวหาว่า 'มีผู้บริหารกรุงเทพมหานครบางคนออกรถบีเอ็มฯ ซีรีส์ 7 โดยใช้ชื่อภรรยาเป็นเจ้าของ ที่แท้มีผู้รับเหมาซื้อให้' ผ่านทั้งสองรายการในวันเดียวกัน

ต่อมาวันที่ 13 ม.ค. 2549 นายดุสิต จำเลยที่ 2 ได้กล่าวผ่านรายการ 'สมัคร-ดุสิต คิดตามวัน' ว่า โครงการประมูลของกรุงเทพ มหานคร 10 โครงการ มันกินกัน 12-13 เปอร์เซ็นต์ เกือบ 3,000 ล้านบาท โดยมีจำเลยที่ 1 กล่าวสนับสนุน นอกจากนี้ในวันที่ 17 ม.ค. 2549 จำเลยที่ 2 ได้กล่าวผ่านรายการเช้าวันนี้ที่ช่อง 5 ว่า 'ขออ่านจากข่าวนะ นายสามารถชี้แจงว่า ไม่เคยสั่งการให้ผู้ใต้บังคับบัญชาล็อกสเปก ขอถามคุณสมัครหน่อยว่าใครจะกล้ารับว่าตัวเองเป็นคนสั่ง' และข้อความอื่น ๆ ซึ่งล้วนเป็นเท็จทั้งสิ้น เหตุเกิดที่แขวง-เขตห้วยขวาง และที่อื่นเกี่ยวพันกัน

การกระทำของจำเลยทั้งสองทำให้ประชาชนที่ชมรายการดังกล่าวเข้าใจผิดคิดว่า โจทก์ เป็นคนไม่ดี เรียกรับทรัพย์สินเพื่อประโยชน์ของตัวเอง ต้องเสื่อมเสียชื่อเสียง จึงนำคดีมาฟ้องขอให้ศาลพิพากษาลงโทษจำเลยตามความผิดด้วย จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ทำนองเดียวกันว่า ไม่มีเจตนาหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย เพียงแต่กล่าวไปตามข้อมูลที่ได้รับทราบมา แต่ไม่ได้มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง รวมทั้งการดำเนินรายการก็เป็นการระดมความคิดเห็นร่วมกับประชาชนให้ได้รับทราบ

ศาลพิเคราะห์คำเบิกความ และพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่า ถ้อยคำที่บ่งบอกว่า ผู้บริหารระดับสูงของกรุงเทพมหานครมีพฤติกรรมไม่ชอบด้วยกฎหมาย อันเป็นความผิดทางอาญา โดยมีจำเลยที่ 1 กล่าวสนับสนุนว่าเป็นความจริง เมื่อฟังประกอบกันแล้วทำให้เห็นได้ชัดว่า ผู้บริหารกรุงเทพมหานครคือโจทก์นั่นเอง เพราะขณะนั้นภรรยาโจทก์ขับรถยนต์ยี่ห้อบีเอ็มดับเบิลยู ป้ายแดงได้ 2 เดือน ทั้งยังมีการกล่าวย้ำว่ามีการใช้ตำแหน่งแสวงหาผลประโยชน์ แม้ไม่ได้ระบุชื่อก็ตาม ทั้งที่ความจริงแล้วโจทก์มีหน้าที่รับผิดชอบงานด้านโยธา ดูแลเรื่องการก่อสร้างถนน สะพานข้ามแยก อุโมงค์ทางลอดต่าง ๆ นอกจากนี้โจทก์ยังมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เบิกความเกี่ยวกับการตรวจสอบการทุจริตของโจทก์นั้น ชุดสืบสวนไม่ได้ตรวจสอบเรื่องการซื้อรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูคันดังกล่าว เพราะเป็นทรัพย์สินที่โจทก์ซื้อด้วยเงินตัวเอง โดยมีการนำสำเนาบัญชีของธนาคารกรุงเทพ สำเนาเช็คเงินสด มาแสดงเป็นหลักฐานการชำระเงิน

การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นการเสนอข่าวให้ประชาชนเชื่อว่า โครงการก่อสร้างของกรุงเทพมหานครมีเงื่อนงำ ทุจริต ซึ่งเป็นการหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย ถูกดูหมิ่นเกลียดชังจริง ข้อต่อสู้ของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น ทั้งนี้จำเลยที่ 1 ได้เคยกระทำผิดฐานหมิ่นประมาทมาแล้วหลายครั้ง โดยศาลปรานีให้รอการลงโทษไว้เพื่อให้ปรับตัวเป็นคนดี แต่จำเลยที่ 1 กลับกระทำผิดซ้ำในความผิดเดิมอีก พิพากษาให้จำคุกจำเลยทั้งสองรวม 4 กระทง กระทงละ 6 เดือน รวมจำคุกคนละ 24 เดือน โดยไม่รอลงอาญา และให้โฆษณาคำพิพากษาย่อในหนังสือพิมพ์ติดต่อกันเป็นเวลา 3 วัน โดยจำเลยเป็นผู้ออกค่าใช้จ่าย
ภายหลังฟังคำพิพากษา เจ้าหน้าที่ราช ทัณฑ์ได้นำตัวทั้งสองไปควบคุมไว้ในห้องพิจารณาคดีที่ 15 ระหว่างนี้นายสมัครกล่าวเพียงสั้น ๆ ว่า ต้องยื่นอุทธรณ์แน่นอน ต่อมาทนายความได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ขอประกันตัวเป็นเงินสดคนละ 2 แสนบาท ระหว่างอุทธรณ์คดีโดยศาลพิเคราะห์แล้วอนุญาตให้ทั้งสองประกันตัวไปโดยตีราคาประกันคนละ 2 แสนบาท ด้านนายสามารถ ราชพลสิทธิ์ ที่ปรึกษา ผู้ว่าฯ กทม. อดีตรองผู้ว่าฯ กทม.โจทก์คดีนี้กล่าวว่า รู้สึกดีใจ ที่ได้พิสูจน์ให้สังคมทราบว่าตนไม่ได้กระทำผิดตามที่ถูกทั้งสองกล่าวหา นอกจากนี้ตนยังได้ยื่นฟ้องทั้งสองต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เรียกค่าเสียหายเป็นเงิน 100 ล้านบาทด้วย คาดอีกไม่นาน ศาลจะมีคำพิพากษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไป.

No comments: